ซ่อมบำรุง ดูแลเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ยืดอายุการใช้งานและช่วยลดค่าไฟ วิธีการดูแลรักษาอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อยากถนอมและยืดอายุการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านของคุณให้ยาวนานมากยิ่งขึ้น มาดูเคล็ดลับดี ๆ กันค่ะ
เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกบ้าน ฉะนั้นเราจึงต้องคอยดูแลเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านให้ใช้งานได้ดีอยู่เสมอ ซึ่งถ้าหากใครยังไม่รู้ว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชนิดต้องการการดูแลรักษาอย่างไรให้ถูกวิธี วันนี้มีเคล็ดลับการดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมาฝาก โดยมีทั้งไฟฟ้า พัดลม เตารีด เครื่องเป่าผม เครื่องดูดฝุ่น ตู้เย็น ตู้แช่ หม้อหุงข้าว เครื่องสูบน้ำ เครื่องซักผ้า มอเตอร์ไฟฟ้า เตาอบ เตาไฟฟ้า ไมโครเวฟ เครื่องทำน้ำอุ่น และเครื่องปรับอากาศเลยล่ะ เอาเป็นว่าถ้าหากใครอยากถนอมและยืดอายุการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ยาวนานมากยิ่งขึ้น ก็ตามมาดูเคล็ดลับเหล่านี้กันได้เลย
การดูแลอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค)
แน่นอนว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกบ้าน การใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า จึงควรใช้อย่างทนุถนอมและหมั่นดูแลรักษาให้ใช้งานได้ดี เพื่อยืดอายุการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าของคุณให้นานขึ้น วันนี้เราจึงมีข้อมูลดี ๆ ในการดูแลรักษาอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มาฝากกัน ลองทำตามคำแนะนำเหล่านี้ดู เครื่องใช้ไฟฟ้าของคุณจะได้ใช้ได้อีกนาน ๆ นะคะ
=ไฟฟ้าส่องสว่าง=
– ควรปิดไฟทุกครั้งเมื่อไม่มีคนอยู่ในห้อง
– เลือกใช้หลอดไฟที่มีกำลังวัตต์เหมาะสมกับการใช้งาน
– สำหรับบริเวณที่ต้องการความสว่างมาก ภายในอาคารควรเลือกใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์ ส่วนภายนอกอาคารควรเลือกใช้หลอดไอโซเดียม และหลอดไอปรอท
– ควรใช้ฝาครอบดวงโคมแบบใสหากไม่มีปัญหาเรื่องแสงจ้า และหมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอ
– พิจารณาใช้โคมไฟตั้งโต๊ะสำหรับงานที่ต้องการแสงสว่างจุดเดียว ทีวี วิทยุ ปิดเครื่องทุกครั้งเมื่อไม่ได้ดู
– ควรถอดปลั๊กเมื่อไม่ใช้เป็นเวลานาน
– ควรเลือกใช้โคมไฟแบบสะท้อนแสงแทนแบบเดิมที่ใช้พลาสติกปิด
– ควรใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์หรือหลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ แทนหลอดไส้ ซึ่งมีคำแนะนำในการใช้ดังนี้
– หลอดฟลูออเรสเซนต์แบบผอม ขนาด 18 วัตต์ และ 36 วัตต์ มีความสว่างเท่ากับ หลอด 20 วัตต์ และ 40 วัตต์แต่ประหยัดไฟกว่า และสามารถใช้แทนกันได้ โดยไม่ต้องเปลี่ยนบัลลาสต์และสตาร์ทเตอร์
– หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์มี 2 ชนิด คือ ชนิดมีบัลลาสต์ภายใน สามารถใช้แทนหลอดกลมแบบเกลียวได้ ส่วนหลอดที่มีบัลลาสต์ภายนอก จะมีขาเสียบเพื่อต่อกับตัวบัลลาสต์ที่อยู่ภายนอก
=พัดลม=
– เปิดความเร็วลมพอควร
– เปิดเฉพาะเวลาใช้งาน
– ควรเปิดหน้าต่างใช้ลมธรรมชาติแทนถ้าทำได้
=เตารีด=
เตารีดเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทให้ความร้อน ซึ่งในการรีดแต่ละครั้งจะกินไฟมาก ดังนั้นจึงควรรู้จัดวิธีใช้อย่างประหยัดและปลอดภัย ดังนี้
– ก่อนอื่นควรตรวจสอบดูว่าเตารีดอยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้งานหรือไม่ เช่น สาย ตัวเครื่อง เป็นต้น
– ตั้งปุ่มปรับความร้อนให้เหมาะสมกับชนิดของผ้า
– อย่าพรมน้ำจนเปียกแฉะ
– ดึงเต้าเสียบออกก่อนจะรีดเสร็จประมาณ 2-3 นาที แล้วรีดต่อไปจนเสร็จ
– ควรพรมน้ำพอสมควร
– ถอดปลั๊กออกเมื่อไม่ได้ใช้
– ควรรีดผ้าคราวละมากๆ ติดต่อกันจนเสร็จ
– ควรเริ่มรีดผ้าบาง ๆ ก่อน ขณะเตารีดยังไม่ร้อน
– ควรดึงปลั๊กออกก่อนรีดเสร็จเพราะยังร้อนอีกนาน
– ควรซักและตากผ้าโดยไม่ต้องบิด จะทำให้รีดง่ายขึ้น
=เครื่องเป่าผม=
– เช็ดผมก่อนใช้เครื่อง เพื่อประหยัดเวลาและพลังงาน
– ควรขยี้และสางผมไปด้วยขณะเป่า
การดูแลเครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องดูดฝุ่น
– ควรเอาฝุ่นในถุงทิ้งทุกครั้งที่ใช้แล้วจะได้มีแรงดูดดี ไม่เปลืองไฟ
=ตู้เย็น ตู้แช่=
– ตั้งอุณหภูมิให้พอเหมาะ
– ไม่นำของร้อนใส่ตู้เย็น
– ปิดประตูตู้เย็นทันที หลังนำของเข้าและออก
– ปิดประตูตู้เย็นให้สนิท
– หากยางขอบประตูรั่วให้รีบแก้ไข
– เลือกตู้เย็นหรือตู้แช่ชนิดมีประสิทธิภาพสูง
– ควรใช้ตู้เย็นขนาดเหมาะกับครอบครัว
– ควรตั้งตู้เย็นให้ห่างจากแหล่งความร้อน ให้หลังตู้ห่างจากฝาเกิน 15 เซ็นติเมตร เพื่อระบายความร้อนได้สะดวก ไม่เปลืองไฟฟ้า
– ควรหมั่นทำความสะอาดแผงระบายความร้อน
– ควรเก็บเฉพาะอาหารเท่าที่จำเป็น
การเลือกซื้อตู้เย็นและตู้แช่ มีคำแนะนำให้ท่านพิจารณาก่อนซื้อ ดังนี้
– เลือกขนาดให้พอเหมาะกับความต้องการของครอบครัว
– ตู้เย็นแบบประตูเดียวกินไฟน้อยกว่าแบบ 2 ประตู
– ควรวางตู้เย็นให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก
– ตั้งสวิตช์ควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะกับจำนวนของที่ใส่
– อย่าเปิดตู้เย็นทิ้งไว้นาน ๆ และอย่านำของร้อนมาแช่
– หมั่นละลายน้ำแข็งเมื่อเห็นว่าน้ำแข็งเกาะหนามาก
=หม้อหุงข้าวไฟฟ้า=
หากรู้จักใช้อย่างถูกต้อง จะสามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้มาก โดยมีข้อแนะนำดังนี้
– ควรหุงข้าวให้พอดีกับจำนวนผู้รับประทาน
– ควรถอดเต้าเสียบออกเมื่อข้าวสุกแล้ว
– อย่าทำให้ก้นหม้อตัวในเกิดรอยบุบ จะทำให้ข้าวสุกช้า
– หมั่นตรวจบริเวณแท่นความร้อนในหม้อ อย่าให้เม็ดข้าวเกาะติด จะทำให้ข่าวสุกช้าและเปลืองไฟ
– ใช้ขนาดหม้อหุงข้าวที่เหมาะสมกับจำนวนสมาชิกในครอบครัว
– ควรดึงปลั๊กออกเมื่อข้าวสุกพอแล้ว ปัจจุบันหม้อหุงข้าวไฟฟ้ามีใช้กันมาก หม้อต้มน้ำ หม้อต้มกาแฟ
– ใส่น้ำให้มีปริมาณพอควร
– ควรปิดฝาให้สนิทขณะต้ม
– ควรปิดสวิตช์ทันทีเมื่อน้ำเดือด
=เครื่องสูบน้ำ=
– ควรติดตั้งอุปกรณ์อัตโนมัติควบคุมระดับน้ำในถังและหมั่นปรับตั้งให้ถูกต้องเสมอ
– ติดตั้งท่อน้ำให้มีขนาดเหมาะสมกับขนาดปั้ม
– ควรตรวจแก้ไขจุดรั่วในระบบน้ำ
– ควรใช้น้ำอย่างประหยัด
– ควรติดตั้งถังเก็บน้ำในตำแหน่งที่ไม่สูงเกินไป
เครื่องสูบน้ำเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่อำนวยความสะดวกอย่างยิ่งซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการสูบน้ำไปยังถังเก็บหรือเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ ซึ่งมีวิธีการใช้อย่างประหยัดดังนี้
– ควรติดตั้งอุปกรณ์อัตโนมัติควบคุมระดับน้ำในถังเก็บ และดูแลรักษาให้ทำงานได้อยู่เสมอ
– ตรวจสอบรอยรั่วตามข้อต่อต่าง ๆ หากพบควรรับซ่อมแซมแก้ไขโดยเร็ว
– หากตัวถังเก็บน้ำไม่มีอุปกรณ์อัตโนมัติควบคุมระดับน้ำ ควรดูแลอย่าให้น้ำล้นถัง
– เครื่องสูบน้ำแบบใช้สายพานต้องตรวจสอบไม่ให้หย่อนหรือตึงเกินไป
=เครื่องซักผ้า=
– ควรใส่ผ้าแต่พอเหมาะ ไม่น้อยเกินไป และไม่มากจนเกินกำลังเครื่อง
– ควรใช้น้ำเย็นซักผ้า ส่วนน้ำร้อนให้ใช้เฉพาะกรณีรอยเปื้อนไขมันมาก
วิธีใช้เครื่องซักผ้าให้ประหยัดไฟฟ้าควรปฏิบัติดังนี้
– ควรใส่ผ้าที่จะซักตามคำแนะนำของแต่ละเครื่อง
– หากมีผ้าต้องซัก 1-2 ชิ้น ควรซักด้วยมือ
– หากมีแสงแดดไม่ควรใช้เครื่องอบแห้ง ควรจะนำเสื้อผ้าที่ซักเสร็จมาตากแดด
=มอเตอร์ไฟฟ้า=
– ควรตรวจสอบแก้ไข และอัดจารบีตามวาระ
– ปรับปรุงสายพานมอเตอร์ เช่น ปรับความตึงสายพาน เปลี่ยนสายพานใหม่
– พิจารณาเปลี่ยนระบบควบคุมความเร็วของมอเตอร์เป็นระบบอีเล็กทรอนิกส์
เตาอบ เตาไฟฟ้า ไมโครเวฟ
เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทนี้ ใช้ความร้อนมาทำให้อาหารสุก หากให้ความร้อนสูญเสียไปโดยการใช้ไม่ถูกวิธี ทำให้อาหารสุกช้าลง กินกระแสไฟเพิ่มขึ้นจึงมีข้อแนะนำการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทนี้อย่างประหยัดคือ
– ควรเตรียมเครื่องปรุงในการประกอบอาหารให้พร้อมก่อนใช้เตา
– ควรใช้ภาชนะก้นแบนและเป็นโลหะจะทำให้รับความร้อน จากเตาได้ดี
– ในการหุ่งต้มอาหารควรใส่น้ำให้พอดีกับจำนวนอาหาร
– ในระหว่างอบอาหารอย่าเปิดตู้อบบ่อย ๆ
– ถอดเต้าเสียบทันทีเมื่อปรุงอาหารเสร็จเรียบร้อย
– ควรหรี่ไฟและปิดฝาหม้อในกรณีที่ต้องเคี่ยว
– ควรเตรียมเครื่องปรุงให้พร้อมก่อนใช้เตา
– ควรใช้เตาชนิดมองไม่เห็นขดลวดซึ่งไม่เสียความร้อน สูญเปล่ามาก และปลอดภัยกว่า
– ควรใช้พาหนะก้นแบนขนาดพื้นที่ก้นเหมาะกับพื้นที่หน้าเตาและใช้พาหนะที่มีเนื้อโลหะรับความร้อนได้ดี หากเป็นไปได้ให้ใช้กับเตาไฟฟ้าซึ่งมีขายทั่วไปอยู่แล้ว
– ควรปิดฝาภาชนะให้สนิทขณะตั้งเตา
=เครื่องทำน้ำอุ่น=
วิธีการใช้เครื่องทำน้ำอุ่นให้ประหยัดและปลอดภัย
– ปรับปุ่มความร้อนให้เหมาะสมกับร่างกาย
– ปิดวาล์วทันทีเมื่อไม่ใช้งาน
– หากมีรอยรั่วควรรีบทำการแก้ไขทันที
– ต่อสายลงดินในจุดที่จัดไว้ให้ของเครื่องทำน้ำอุ่น
– ปิดสวิชต์ไฟฟ้าของเครื่องทำน้ำอุ่นเมื่อไม่ใช้
– ปฏิบัติตามคำแนะนำที่แนบมากับเครื่อง
– ใช้เครื่องขนาดพอสมควร
– ปรับปรุงความร้อนไม่ให้ร้อนเกินความจำเป็น
– ปิดก๊อกทุกครั้งเมื่อไม่ใช้งาน
– ในฤดูร้อนไม่จำเป็นต้องใช้น้ำร้อน หรือน้ำอุ่น
– ควรใช้น้ำอุ่นที่ได้ความร้อนจากแสงอาทิตย์
=เครื่องปรับอากาศ=
– ปิดเครื่องทุกครั้งเมื่อไม่อยู่
– ปิดประตูหน้าต่างและผ้าม่านกันความร้อนจากภายนอก
– ตั้งอุณหภูมิไม่ควรต่ำกว่า 26 องศาเซลเซียส
– ควรใช้เครื่องขนาดเหมาะสมกับขนาดห้อง
– ควรเลือกเครื่องปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง
– ควรติดตั้งเครื่องระดับสูงพอเหมาะ และให้อากาศร้อนระบายออกด้านหลังเครื่องได้สะดวก
– ควรบุผนังห้อง และหลังคาด้วยฉนวนกันความร้อน
– ควรบำรุงรักษาเครื่องให้มีสภาพดีตลอดเวลา
– ควรหมั่นทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศ และแผงระบายความร้อน
– ในฤดูหนาวขณะที่อากาศไม่ร้อนมากเกินไป ไม่ควรเปิดเครื่องปรับอากาศ
– ปิดประตู หน้าต่างให้มิดชิดไม่ให้ความเย็นรั่วไหล
– พิจารณาติดตั้งบังแสงหรือกันแดด เพื่อลดภาระการทำงานของเครื่อง
การใช้เครื่องปรับอากาศให้มีความเย็นที่สบายต่อร่างกาย จะประหยัดค่าไฟฟ้าอย่างได้ผล ซึ่งควรปฏิบัติดังนี้
– ควรเลือกใช้ขนาดที่เหมาะสมกับขนาดของห้อง
– ควรใช้ผ้าม่านกั้นประตูหน้าต่าง เพื่อป้องกันความร้อนจากภายนอก
– ตั้งปุ่มปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมต่อร่างกาย (ประมาณ 26 องศาเซลเซียส)
– หมั่นทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศ
– ปฏิบัติตามคำแนะนำที่แนบมากับเครื่องปรับอากาศ